Karn Tirasoontorn

June 14, 2021

[อ่านมาเล่า] Makoto Marketing การตลาดแบบจริงใจสไตล์ญี่ปุ่น #1

ว่ากันด้วยเรื่องการตลาดแล้ว โดยส่วนตัวนั้นเรียกว่าไม่รู้อะไรเลย และถ้าเกิดเรามีผลิตภัณฑ์สักชิ้น หรือบริการใหม่ๆ สักอย่างเราจะทำการตลาดได้อย่างไร ทั้งนี้ได้มีโอกาสได้ซื้อหนังสือ Makoto Marketing (หลักสูตรการตลาดแบบจริงใจสไตล์ญี่ปุ่น) โดย ดร. กฤตินี พงษ์ธนเลิศ (เกตุวดี Marumura) มาอ่านเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการตลาดสักหน่อย

makoto-marketing.jpg


จากหน้าปกหนังสือเห็นคำว่าการตลาดแบบจริงใจสไตล์ญี่ปุ่น ก็รู้สึกสะดุดตาและความรู้สึกว่าการตลาดดังกล่าวเป็นอย่างไร และจะทำได้อย่างไร

เริ่มต้นจากชื่อหนังสือคำว่า Makoto (มาโกโตะ) แปลว่าความจริงแท้ ไม่ปรุงแต่ใด สำหรับการตลาดมาจากใจ ทั้งจริงใจและใส่ใจ ตามที่คุณเกตุวดีเชื่อและนำเสนอแก่ผู้อ่าน จะเป็นการตลาดที่ยั่งยืน ไม่เน้นยอดขาย แต่ส่งเสริมการสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการ และยังสร้างความสุขให้แก่เราและลูกค้าอีกด้วย

ภายในหนังสือจะแบ่งออกเป็น 20 บทและนำเสนอ 20 แนวคิดในการทำการตลาด โดยในแต่ละบทจะยกตัวอย่างจริง และมีแบบฝึกหัดเล็กๆ ให้เราได้คิดได้ทำตามไปด้วย 

การตลาดที่มาจากใจ ทั้งจริงใจและใส่ใจ การตลาดที่ยั่งยืน และเป็นการตลาดที่จะทำให้ผู้คน รวมถึงตนเองมีความสุข 
~ ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ

จุดเริ่มต้นของธุรกิจ คือ การแก้ปัญหา
ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจใดๆ คำถามแรกที่ควรถามตัวเองก็คือ ธุรกิจของเราช่วยลูกค้าได้อย่างไรบ้าง ซึ่งบ้างก็เป็นธุรกิจที่ได้รับการสืบทอดมา หรือคนที่จะทำธุรกิจใหม่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ให้เรามองหาปัญหาใกล้ๆ ตัว ที่คิดว่าเราสามารถเข้าไปช่วยแก้ปัญหา หรือทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้นได้อย่างไรนำมาสร้างเป็นธุรกิจซึ่งการเริ่มด้วยการแก้ปัญหา และแก้ไขอย่างเต็มที่ เราะจะได้ทั้งกำไร และความรักจากลูกค้า

เริ่มจากความเชื่อของตนเอง เป็นตัวของตัวเอง
ถ้าจะพูดถึงการทำแบรนด์อย่างไรถึงจะให้เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมมากขึ้น ความเชื่อเป็นอีกสิ่งที่จะสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ของเรา การที่เราผนวกความความเชื่อและความมุ่งมั่นตั้งใจเข้าไปในแบรนด์ และนำเสนอให้ลูกค้าเชื่อ และอินตามไปด้วย จะส่งผลให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และได้รับความรักในแบรนด์จากลูกค้าอีกด้วย

"สร้างประโยชน์อะไร เพื่อใคร" คำถามที่ต้องตอบก่อนคำถาม "ขายอะไร"
"ขายอะไรดี ๆๆๆๆๆๆ"
เป็นคำถามที่ตอบยากมากสำหรับมือใหม่ในการที่จะสร้างธุรกิจ เพราะไอเดียดีๆ ไม่ได้พุดขึ้นมาได้ง่ายและทันทีทันใด ดังนั้นอีกหนึ่งคำถามสำคัญที่ต้องถามก่อนก็คือ เราจะสร้างประโยชน์อะไร เพื่อใคร ซึ่งเป็นการบีบสโคปให้เล็กลง โฟกัสในสิ่งที่ค้นหาได้ง่าย ก็จะทำให้เราค้นพบธุรกิจที่ตอบโจทย์ได้เร็วยิ่งขึ้น

เมื่อเราเห็นปัญหา ผนวกกับความเชื่อมุ่งมั่นตั้งใจ จะช่วยให้เราตอบโจทย์ได้ชัดว่า เราจะสร้างประโยชน์อะไร หรือช่วยลูกค้าได้แบบไหน อย่างไรตามมา

เลือกปัญหามาหนึ่งอย่าง แล้วแก้ไขให้ถึงที่สุด
ในศึกการแข่งขันขายสินค้าประเภทเดียวกันระหว่าง 2 บริษัทในปัจจุบัน ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราคา ของแถม หรือแคมเปญต่างๆ ที่ปล่อยออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า อย่าลืมว่าไอเดียเป็นสิ่งที่คู่แข่งลอกเลียนแบบได้ ดังนั้นกลยุทธ์ที่ควรงัดออกมาใช้ ควรเป็นการมองหาปัญหาจริงๆ ที่ลูกค้าสัมผัส และเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาด้วยความใส่ใจอย่างเต็มที่ และไปให้ถึงที่สุด

ระหว่าง Passion กับ Purpose
หลายๆ คนคงเคยทำงานแล้วรู้สึก "หมด Passion กับงานที่ทำแล้วเนี่ย" ดังนั้นคงไม่แปลกใจถ้าคนจะเลือก Passion มากกว่า Purpose 

Passion เป็นแรงผลักดันที่ส่งให้ทำเราทำสิ่งต่างๆ และดื่มดำกับสิ่งนั้นได้นานๆ ส่วน Purpose คือ การมีเป้าหมายเพื่อผู้อื่น

ไม่ดีกว่าเหรอ ที่เราจะทำสินค้าหรือบริหารที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น (Purpose) โดยที่มีแรงผลักดันควบคู่ไปด้วย (Passion) สำหรับใครที่ยังหา Passion เจอก็ไม่ต้องรีบร้อนไป แต่จงตั้งใจทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อผู้อื่น แล้วสักวันเราจะได้พบกับ Passion ที่เราตามหา

สำหรับในบทความนี้ก็จะยกมาแค่ 5 หัวข้อก่อนแล้วกัน รอติดตามบทที่เหลืออีกทีนะครับ และใครถ้าอยากรู้เรื่องต่อแล้วคงต้องแนะนำให้ไปซื้อหนังสือได้ที่ 👇

Reference: